เมื่อวันที่ 18 กันยายน สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างผลการวิจัยของทีมนักวิจัยเดนมาร์กที่เผยแพร่ในวารสาร Preventive Veterinary Medicine ชี้ว่า คนอ้วนหรือคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน มีความเป็นไปได้ที่สุนัขที่ตนเองเลี้ยงจะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นสุนัขอ้วนตามไปด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการมักป้อนอาหารที่ตนเองกินอยู่ให้สุนัขของตนเองกินเข้าไป

ผลการวิจัยชิ้นนี้เป็นการผลการศึกษาของคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ในประเทศเดนมาร์ก ที่ได้ยืมวลีหนึ่งมาใช้การเขียนผลการวิจัยครั้งนี้ว่า “เจ้าของเป็นอย่างไร สุนัขก็เป็นอย่างนั้น” โดยระบุว่าอัตราความชุกของสุนัขอ้วนหรือสุนัขตัวใหญ่ของเจ้าของที่อ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักเกินนั้นมีมากกว่า 2 เท่าของเจ้าของสุนัขที่มีรูปร่างผอมหรือน้ำตัวปกติ โดยผลการวิจัยนี้ได้จากการศึกษาสุนัขจำนวน 268 ตัว ในจำนวนนี้ 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นสุนัขที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นสุนัขอ้วน

ชาร์ล็อตต์ ยอร์นวัด ผู้นำการเขียนงานวิจัยนี้กล่าวว่า เจ้าของสุนัขที่มีน้ำหนักตัวเฉลี่ยปกติ มักจะให้อาหารสุนัขเพื่อการฝึกสุนัข แต่เจ้าของที่อ้วนมักจะให้อาหารสุนัขเพื่อความสนุก ตัวอย่างเช่น เจ้าของที่นั่งเล่นอยู่บนโซฟา ก็มักจะแบ่งแซนวิชหรือคุ๊กกี้คำสุดท้ายให้กับสุนัขของตนเองกิน

งานวิจัยชิ้นนี้ยังพบว่าการทำหมันยังทำให้สุนัขมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกินสูงถึง 3 เท่า เพราะขณะที่ดูเหมือนว่าการทำหมันจะทำให้ความสามารถในการอยากอาหารในสุนัขเพศผู้ลดลง แต่ขณะเดียวกันนั่นอาจทำให้สุนัขมีแรงจูงใจน้อยลงที่จะออกกำลังกาย ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงที่จะทำให้มีภาวะน้ำหนักเกินได้

ขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นของทีมวิจัยอีกคณะหนึ่งที่ทำการศึกษาในปี 2559 พบว่าในประเทศพัฒนาแล้ว สุนัขมากถึง 34-59 เปอร์เซ็นต์ เป็นโรคอ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักตัวเกิน ซึ่งจะส่งผลให้อายุขัยเฉลี่ยของสุนัขลดลง นอกจากนี้ยังจะทำให้สุนัขทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้ลำบากและทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาเช่น เบาหวานและโรคหัวใจเหมือนกับคนเรา