ปัจจุบันมีหลักฐานที่ยืนยันว่าสัตว์เลี้ยงช่วยให้เจ้าของมีสุขภาพจิตดีขึ้น เพราะพวกมันทำให้เจ้าของรู้สึกว่ามีเพื่อนอยู่ข้างๆ และยังลดความความเครียดได้อีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น การเลี้ยงสุนัขช่วยให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีสุขภาพจิตดีขึ้น โดยการพาสุนัขไปเดินเล่นถือเป็นการกระตุ้นให้เจ้าของได้ออกกำลังกาย ผ่อนคลายจิตใจ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้พบปะกับเจ้าของสุนัขรายอื่น ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้เข้าสังคมและคลายความรู้สึกโดดเดี่ยวลง

โดยข้อมูลระบุว่าการเล่นกับสุนัขและแมวจะส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารความสร้างสุข อาทิ เซโรโทนิน (Serotonin) และ โดปามีน (Dopamine) ออกมามากขึ้น ทำให้เจ้าของรู้สึกสงบและมีความสุขอย่างมาก

นอกจากนี้ มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าการมีสัตว์เลี้ยงสร้างผลบวกต่อกลุ่มเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น ช่วยให้เด็กๆ มีความรับผิดชอบเพราะวางแผนสำหรับการดูแลสัตว์เลี้ยง ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ก็พบว่ามีความกังวลลดลง รวมถึงสามารถควบคุมตนเองยามเกิดอารมณ์โมโหได้ดีขึ้นเมื่อมีสัตว์เลี้ยง

จากข้อมูลพบว่าผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปที่เลี้ยงสัตว์ มีสถิติการไปพบแพทย์เพียงร้อยละ 30 เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงในช่วงวัยเดียวกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่คนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่บ้านเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 นั้น มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าคนที่เลี้ยงสัตว์จะมีสุขภาพจิตดีกว่าคนที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง

ส่วนหนึ่งจากผลสำรวจที่ตีพิมพ์ใน PLOS ONE ระบุว่า “ผู้เข้าร่วมการวิจัยร้อยละ 90 กล่าวว่าสัตว์เลี้ยงช่วยให้พวกเขาจัดการกับอารมณ์ในช่วงปิดเมืองอันเนื่องมาจากโรคระบาดได้ดี ขณะที่ร้อยละ 96 ระบุว่าสัตว์เลี้ยงช่วยให้พวกเขาสุขภาพดีและได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ถึงแม้ว่าสัตว์เลี้ยงจะต่างสายพันธุ์แต่ก็สร้างความผูกพันทางใจกับเจ้าของได้ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสุนัขหรือปลาก็ตาม”

อย่างไรก็ดี ใช่ว่าทุกคนจำเป็นต้องไปหาซื้อสัตว์เลี้ยงเพื่อทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น เนื่องจากข้อมูลนี้เป็นเพียงงานวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสัตว์เลี้ยง ที่ช่วยบรรเทาความเครียดขณะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คนทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์อยู่แล้ว คุณคิดว่าสัตว์เลี้ยงทำให้อารมณ์ดีหรือช่วยคลายความซึมเศร้าหรือโดดเดี่ยวได้จริงหรือไม่ ร่วมแชร์ประสบการณ์ให้เรารับฟังได้เลยตอนนี้

Cr. prudential