การผลัดขนเป็นเรื่องปกติของน้องหมา แต่บางครั้งก็เกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้เหมือนกัน

ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะสังเกตวว่าน้องหมามีอาการขนร่วงมากกว่าปกติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้อากาศค่อนข้างร้อนเป็นพิเศษ ทำให้ร่างกายของน้องต้องปรับสภาพเพื่อเพิ่มความสามารถในการระบายความร้อนออกจากร่างกาย การผลัดขนจึงเกิดขึ้น ทำให้น้องมีอาการขนร่วงมากกว่าปกตินั่นเอง ซึ่งอาการขนร่วงประเภทนี้ เมื่อระยะเวลาผ่านไป ขนน้องจะค่อยๆ ร่วงน้อยลง และมีขนใหม่ขึ้นมาแทนที่เหมือนเดิม

แต่ก็มีบางกรณีเช่นเดียวกันที่น้องมีการผลัดขน แต่ในปริมาณที่มากกว่าปกติ และดูไม่มีท่าทีว่าจะมีขนใหม่ขึ้นมาแทนที่แม้แต่น้อย อาจมีอาการขนร่วงเป็นหย่อมๆ กระจายไปทั่วทั้งตัว หรือร่วงโกร๋นจนเห็นแต่ผิวหนังข้างใต้ แบบนี้ถือว่าอาการน่าเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ เนื่องจากการผลัดขนในลักษณะนี้ถือว่าผิดปกติจากธรรมชาติของน้อง และเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าน้องมีสุขภาพที่ดีหรือไม่ได้อีกด้วย ซึ่งอาจเป็นไปได้จาก 5 สาเหตุเหล่านี้

1. ขนร่วงจากอาการแพ้ ไม่ว่าจะเป็นการแพ้อาหาร แพ้น้ำลาย แพ้เห็บหมัด แชมพู รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่น้องหมาเราชอบเอาตัวลงไปเกลือกกลิ้ง เช่นพื้นดิน พื้นหญ้า อาการแพ้จากสิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องขนร่วงได้ทั้งหมด ในกรณีที่น้องมีอาการขนร่วงที่มาจากสาเหตุนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจพาน้องไปพบกับคุณหมอเพื่อทดสอบให้แน่ชัดว่าน้องมีอาการแพ้จากอะไร เพื่อจะได้ให้น้องหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่น้องแพ้ได้ในอนาคต เช่น ถ้าน้องแพ้อาหารชนิดที่ให้ทานเป็นประจำ ก็ควรเปลี่ยนประเภทอาหารที่ให้ หรืออาจเปลี่ยนให้น้องกินอาหารสำเร็จรูปที่ใช้สำหรับการรักษาโดยเฉพาะก็ได้ เป็นต้น

2. ขนร่วงจากการติดเชื้อที่ผิวหนัง เป็นอาการที่สามารถพบได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อจากเชื้อรา แบคทีเรีย ปรสิตต่างๆ ที่มาอาศัยอยู่เช่น เห็บ หมัด ไรขี้เรื้อนต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ขนน้องร่วงได้ทั้งสิ้น โดยสาเหตุของการติดเชื้อนั้นอาจเกิดจากการดูแลรักษาความสะอาดที่ไม่ดีพอ, การติดเชื้อจากเพื่อนตัวอื่นๆ, การป้องกันเห็บหมัดที่ปล่อยปละละเลย ผิวหนังอับชื้น ทำให้มีอาการขนร่วงเกิดขึ้น โดยมักมีอาการคันผิวหนังร่วมด้วย ในกรณีนี้ แนะนำให้พาน้องไปพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยอาการ และทำการรักษาที่ถูกต้อง เมื่อเชื้อต่างๆ เหล่านี้ถูกกำจัดไป อาการขนร่วงของน้องก็จะเริ่มหยุดลง และเริ่มมีขนรุ่นใหม่งอกขึ้นมาแทนที่เป็นปกติค่ะ

3. ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ไม่ว่าจะเป็นภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ, ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงเกินไป, การขาดฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต รวมถึงปัญหาที่เกิดจากฮอร์โมนเพศไม่สมดุล ก็สามารถส่งผลให้น้องขนร่วงได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในกรณีนี้มักเกิดจากการทานยาควบคุมฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติในการหลั่งฮอร์โมนภายในร่างกายของน้อง รวมถึงในช่วงหลังการทำหมัน ทำให้การหลั่งฮอร์โมนต่างๆ ขาดความสมดุล ในกรณีนี้อาจทำการรักษาได้โดยให้น้องทานฮอร์โมนที่น้องขาด หรือทานยาควบคุมระดับฮอร์โมนบางตัวที่สูงเกินค่าปกติ ทั้งนี้ควรอยู่ในความดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด เนื่องจากการเสริมหรือควบคุมฮอร์โมนนั้นอาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายของน้องในด้านอื่นๆ ได้เช่นเดียวกันค่ะ

4. ขนร่วงจากอาการป่วย ทั้งการป่วยทางกาย (เช่น โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร) และการป่วยทางใจ (เช่น ความเครียดจากการขาดการดูแลเอาใจใส่ของเจ้าของ) สามารถส่งผลให้น้องขนร่วงได้ทั้งนั้น เพราะในระหว่างที่น้องป่วยอยู่ ร่างกายของน้องจะอ่อนแอกว่าปกติ ทำให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายทำได้แย่ลง ไม่ว่าจะเป็นการดูดซึมสารอาหารที่น้องทานเข้าไป การไหลเวียนของโลหิต ฯลฯ ทำให้น้องเกิดอาการขนร่วงได้ รวมถึงความเครียดเอง ก็พบว่าทำให้น้องหมาขนร่วงได้ คล้ายกับคนที่ผมร่วงเพราะความเครียดเช่นเดียวกัน เมื่อน้องหายป่วย อาการขนร่วงก็จะลดลง และกลับมาดูดีได้เหมือนเดิม เหมือนตอนที่สุขภาพดีนั่นเอง

5. ขนร่วงจากการขาดสารอาหาร การได้รับสารอาหารที่ด้อยคุณภาพ หรือทานอาหารที่ไม่เพียงพอ ย่อมส่งผลต่อสุขภาพเส้นขนและผิวหนังของน้องได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการขนร่วง ขาดความเงางาม ขนแห้ง จับแล้วรู้สึกสากมือ การให้น้องได้ทานอาหารที่เพียงพอ และมีสารอาหารที่ครบถ้วน มีคุณภาพ เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้น้องมีสุขภาพขนและผิวหนังที่ดีได้ รวมถึงการได้รับอาหารที่หลากหลาย ไม่ให้กินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งตลอด หรือการให้น้องทานอาหารที่เป็นสูตรบำรุงขนโดยเฉพาะ ก็สามารถช่วยได้เช่นเดียวกัน

เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้น้องมีอาการขนร่วงแล้ว ในส่วนของวิธีแก้ไขก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะค่ะ ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ การรักษาด้วยการตัดสาเหตุที่ทำให้น้องมีอาการขนร่วงเกิดขึ้นนั่นเอง

สำหรับน้องที่มีอาการขนร่วงจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา แบคทีเรีย หรือยีสต์ ในกรณีนี้ควรให้คุณหมอวินิจฉัยอาการ เมื่อพบต้นตอของปัญหาแล้ว ก็สามารถรักษาได้ด้วยการหยอดตา หรือทานยาฆ่าเชื้อที่ตรงกับเชื้อนั้นๆ และอาจมีการใช้แชมพูยาในการรักษาร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคค่ะ

สำหรับน้องที่มีอาการซึม หรือป่วย ควรพาน้องไปตรวจร่างกาย ร่วมกับการตรวจเลือด เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การขาดสมดุลของฮอร์โมน (ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น) เพื่อรักษาอาการป่วยที่น้องเป็นอยู่ ควบคู่กับโรคผิวหนังที่น้องเป็นอยู่ด้วย

สำหรับน้องที่มีอาการแพ้ ควรให้คุณหมอวินิจฉัยและทดสอบอาการแพ้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของน้องอยู่เป็นระยะๆ ด้วยนะคะ เพื่อดูว่าน้องมีอาการแพ้อะไรหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญให้คุณหมอวินิจฉัยได้ง่ายขึ้นด้วยนั่นเอง

การดูแลขนน้องหมาอาจดูเป็นเรื่องยากและสร้างความทุกข์ใจให้กับคุณพ่อคุณแม่อยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปค่ะ เพียงหมั่นสังเกตน้องอยู่เป็นประจำ หรือหากไม่แน่ใจจริงๆ การพาน้องไปพบคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพ ก็จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเหลือน้องได้อย่างตรงจุดเพิ่มมากขึ้นค่ะ ทั้งนี้การดูแลเส้นขนของน้องนั้นต้องใจเย็นๆ หน่อยนะคะ เนื่องจากวงจรการเกิดขนของน้องนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 21 – 28 วัน กว่าจะเห็นผลก็จะใช้เวลาสักหน่อย ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ต้องใจร้อน หากเราแก้ปัญหาได้ถูกต้อง ตรงกับสาเหตุที่เกิด ขอให้มั่นใจได้เลยค่ะว่าน้องจะต้องกลับมามีขนนุ่ม-เต็ม-สวย อย่างที่เคยเป็นได้แน่นอนค่ะ

Cr. : dogilike