เมื่อเราต้องอยู่แต่ในบ้านสัตว์เลี้ยงมักกลายเป็นเพื่อนที่ช่วยสร้างความสุขและคลายความกังวลได้เป็นอย่างดี การที่เจ้าของได้เห็นหางที่แกว่งไปมาอย่างมีความสุขหรือได้ยินเสียงออดอ้อนให้อุ้มขณะกำลังไม่สบายใจนั้น ช่วยลดความเครียดได้ แต่สุนัขและแมวก็รู้สึกเบื่อได้เหมือนกันถ้าเขาต้องติดอยู่ในบ้านนาน ๆ บทความนี้ Purina ขอเสนอเคล็ดลับ 10 ข้อในการสร้างความสุขให้สุนัขและแมวที่เลี้ยงในบ้าน
เมื่อต้องอยู่ในบ้าน แมวหรือสุนัขที่อยู่รอบตัวเรานั้นเป็นเพื่อนช่วยคลายความเครียดให้เราได้เป็นอย่างดี
เมื่อเราอยากบ่นหรืออยากกอดใครสักคน
แต่การอยู่แต่ในบ้านกับสัตว์เลี้ยงก็อาจเกิดปัญหาได้เช่นกัน Purina จึงรวบรวมเคล็ดลับที่จะทำให้คุณและสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขในสถานการณ์ที่ต้องติดอยู่ในบ้านช่วงนี้
1. รักษากิจวัตรประจำวัน
ช่วงสถานการณ์โควิด คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันจากหน้ามือเป็นหลังมือ และมีความเป็นไปได้สูงที่กิจวัตรของสัตว์เลี้ยงก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ของ Purina ดร. แอนนี วาลุสกา ได้ให้คำแนะนำว่า “ผู้เลี้ยงจะต้องรักษาตารางกิจวัตรประจำวันของสัตว์เลี้ยงให้เหมือนเดิมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การขับถ่ายหรือการเดินออกกำลัง กิจกรรมเหล่านี้ควรเป็นไปตามเวลาเดิมที่ทำเป็นกิจวัตร”
นอกจากนี้ ดร. แอนนี วาลุสกา ยังได้เน้นให้เจ้าของหมั่นฝึกสัตว์เลี้ยงให้รักษามารยาทต่าง ๆ อยู่เสมอเช่น ให้นั่งลงก่อนที่จะเดินผ่านประตู หรือไม่สะกิดขออาหารเมื่อเจ้าของกำลังทานข้าว สิ่งเหล่านี้ก็เป็นวิธีที่สำคัญในการรักษากิจวัตรของสัตว์เลี้ยงเช่นกัน
2. กำหนดเวลาพักผ่อน
สัตว์เลี้ยงอาจเคยชินที่ได้ใช้เวลาส่วนตัวเมื่อครอบครัวไม่อยู่ ดังนั้นจึงควรให้เขาได้มีเวลาพักผ่อนเป็นช่วง ๆ ตลอดวัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ของ Purina ดร. ฟรานซัวส์ มาร์ติน ได้ย้ำว่า “ไม่ควรเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันของสัตว์เลี้ยงโดยให้เข้าสังคมมากเกินไป เพราะว่าสัตว์เลี้ยงนั้นไม่ใช่เด็ก เจ้าของจึงไม่จำเป็นต้องหากิจกรรมให้สัตว์เลี้ยงทำตลอดเวลา”
เหล่าพ่อแม่คงโล่งอกที่ได้ยินเช่นนี้ เพราะว่าเด็ก ๆ นั้นต้องมีกิจกรรมให้ทำทั้งวัน แต่สุนัขหรือแมวไม่ต้องทำแบบนี้ และที่จริงแล้วการที่ไม่ต้องทำอะไรกลับมีประโยชน์กับสัตว์เลี้ยงด้วยซ้ำ
3. กินขนมแก้เครียดบ้าง
เมื่อเราต้องยุ่งกับประชุม ต้องเรียนออนไลน์ หรือแม้แต่อยากอยู่เงียบ ๆ ลองให้แมวหรือสุนัขหลบมุมอยู่กับขนมขบเคี้ยวเงียบ ๆ บ้างก็ได้
ดร. แซเวอร์รีน ลีกูต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ของ Purina ได้ย้ำว่า แม้สัตว์เลี้ยงอาจชอบที่ได้ขบเคี้ยวขนมแต่อย่าให้ขนมเขามากเกินพอดีได้ ต้องระวังเรื่องแคลอรี่ อาจต้องควบคุมโดยลดปริมาณอาหารมื้อหลักให้เหมาะสมกับปริมาณแคลอรี่ที่ได้จากขนมไปแล้ว
4. ออกกำลังกายคือคำตอบ
มาลองรักษาสุขภาพจิตและปล่อยพลังงานลบออกไปด้วยวิธีเชิงบวก นั่นคือ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมให้ร่างกายได้ขยับในช่วงเวลาที่ต้องอยู่แต่ในบ้านนี้มีประโยชน์ต่อตัวเราเองและสัตว์เลี้ยง
เราอาจจะพาสุนัขไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะไม่ได้ แต่ก็มีวิธีออกกำลังกายอื่นได้ แม้แต่การเดินไปส่งจดหมายก็ถือเป็นการออกกำลังกายได้เหมือนกัน ถ้าต้องอยู่แต่ในบ้าน เราควรเก็บกวาดบ้านให้โล่งจะได้มีพื้นที่เล่นกับเขา
ถ้าหากมีสวนหลังบ้านก็ออกไปเล่นวิ่งไล่จับกันบ้าง Purina ขอแนะนำให้เจ้าของนำการออกกำลังกายมาประยุกต์เพื่อรักษาตารางกิจวัตรให้กับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ควรกำหนดตารางเวลาการเล่นให้อยู่ในช่วงเดียวกันทุกวัน ให้สัตว์เลี้ยงเคยชินกับตารางกิจกรรมประจำวัน ได้กระตุ้นร่างกายและจิตใจในขณะที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยงด้วย
5. เล่นเกมฝึกสมอง
วิธีการอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้สัตว์เลี้ยงได้ออกกำลังคือ การกระตุ้นสมองเช่น การสอนให้เล่นเกมใหม่ ๆ สักอย่างสองอย่าง! คุณคงเคยอยากให้สุนัขม้วนตัวได้หรือแม้แต่สอนให้แมวเต้นรำใช่ไหมล่ะ ช่วงนี้ล่ะที่เหมาะที่จะสอนสิ่งเหล่านี้
“สัตว์เลี้ยงก็เหมือนกับคน คือมีประสบการณ์ที่เรียกว่า ‘ปรากฏการณ์ยูเรก้า’ (Eureka Effect) หรือปรากฎการณ์ร้อง “อ๋อ” เวลาแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ” ดร. เรแกน แม็คกอแวน ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ของ Purina ได้อธิบายเพิ่มเติม “ช่วงเวลาที่เราแก้ไขปัญหาบางอย่างได้ เราจะอารมณ์ดี สัตว์เลี้ยงเองก็มีความรู้สึกนี้เช่นเดียวกัน”
เราอาจกระตุ้นสมองสัตว์เลี้ยงช่วงเวลาให้อาหาร โดยนำอาหารไปวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ในบ้านแล้วให้เขาลองดมหา หรือนำ เกมตัวต่อจิ๊กซอร์ มาประยุกต์เพื่อกระตุ้นสมองให้ฝึกคิดมากขึ้นก็ได้