โดยธรรมชาติแล้วดวงตาน้องหมาจะมีน้ำหล่อเลี้ยงเพื่อไม่ให้ตาแห้งธรรมชาติที่ออกมาไม่ให้ตาแห้งแต่ก็จะไม่มีมากจนเกินไปถึงขั้นน้ำตาไหล หรือ ตาเปียกแฉะ นอกเสียจากว่าจะเกิดความผิดปกติขึ้นในดวงตา ดังต่อไปนี้ค่ะ
 

     - เกิดแผลหรือความผิดปกติบริเวณท่อระบายน้ำตาที่เชื่อมต่อกับดวงตา จมูก และ คอ ซึ่งจะระบายน้ำตาลงสู่จมูกและคอ แต่เมื่อมีปัญหา หรือ มีบางสิ่งขวางทางจากดวงตาไปสู่จมูก น้ำจากตาก็ถูกขัดขวางไม่สามารถลงไปที่จมูกได้ จึงมีน้ำตาเอ่อล้นไหลออกมาจนเกิดเป็นครอบน้ำตาอย่างที่เห็นกัน

 

     - เกิดการอักเสบของหูที่ทำให้น้ำตาไหลมากกว่าปกติ เนื่องจาก หู ตา คอ จมูก เป็นอวัยวะที่เชื่อมต่อกันจึงสามารถส่งผลกระทบต่อกันได้ค่ะ  

 

     - เมื่อเกิดการการระคายเคืองที่ดวงตา จากขนตาแทงลูกตา แพ้เกสรดอกไม้  มีฝุ่นละออง เศษหญ้าเข้าตา ดวงตาจ้องแสงนานเกินไป เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับดวงตา ทำให้เกิดการสร้างน้ำตาออกมาในปริมาณที่มากขึ้น เป็นปฏิกริยาตอบสนองของดวงตาเพื่อลดการระคายเคือง ชะตาล้างสิ่งสกปรก

 

 

     - มีหนังตาม้วนเข้าด้านในจึงทำให้รูระบายน้ำตาถูกม้วนเข้าไปด้วย น้ำตาจึงไม่สามารถไหลออกทางจมูกและคอได้

 

     - เกิดจากการกินอาหารหรือขนมที่มีสีผสมอาหารสีจัดๆ ซึ่งร่างกายน้องการจะขับสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายออกมากับน้ำตา จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารและขนมทุกชนิดที่สีจัด 

 

     - เกิดจากสายพันธุ์น้องหมาที่มีน้ำตามากกว่าปกติ เช่น มอลทีส, บิชอง ฟริเซ่, พุดเดิล, ปั๊ก, ชิสุ และ น้องหมาสายพันธุ์หน้าสั้น ตาโต หนังตาล่างตื้นอีกหลายพันธุ์ 

     ดังนั้น ผู้เลี้ยงควรสังเกตความผิดปกติของดวงตาน้องหมาเมื่อมีน้ำตามากเกินไป หาสาเหตุให้พบแล้วทำการดูแลรักษา แต่ถ้าไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใดก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ให้พาไปพบสัตวแพทย์ในทันทีก่อนจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังและใช้เวลานานในการรักษานะคะ

     (อ่านเพิ่มเติมวิธีทำความสะอาดดวงตาน้องหมา หรือ คราบน้ำตาได้ที่ บทความ มอลทีส กับปัญหาเจ้า (คราบ) น้ำตา  ค่ะ)

 

 

 

 

 

 

      น้ำที่ออกจากตามากเกินไปของคนเราสามารถเกิดได้จากความผิดปกติของดวงตาเช่นเดียวกับน้องหมา แต่อีกสาเหตุที่เพิ่มมาก็คือ น้ำตาที่ไหลออกมาจากอารมณ์ ความรู้สึก หรือที่เราเรียกว่า ร้องไห้ นั่นเอง เนื่องจากคนเรามีสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์อยู่บริเวณดวงตา ซึ่งสมองส่วนนี้จะช่วยปลดปล่อยและระบายรู้สึกออกมาผ่านการร้องไห้ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยบอกว่า เมื่อร่างกายเสียใจจะมีการผลิตสารเคมีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเครียด การร้องไห้จึงเป็นการขับสารเหล่านี้ออกมาพร้อมกับน้ำตา ในขณะเดียวกันสมองก็จะหลั่งสารเอ็นโดฟินออกมา เป็นกลไกช่วยกำจัดความเครียด และทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นค่ะ 

 

 

 

      เพื่อนๆ คงเคยได้อ่านข่าว คลิปสุดซึ้ง! สุนัขนอนสะอื้นข้างหลุมศพเจ้านาย ในบทความ Daily Dog เมื่อปีที่แล้วที่เป็นข่าวใหญ่โตทั่วโลก ดราม่ากันยกใหญ่ เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ที่เห็นน้องหมาผู้ซื่อสัตย์นอนร้องไห้กระซิกๆ ที่ป้ายหลุมศพเจ้าของอันเป็นที่รัก แต่ไม่นานนักก็มีสัตวแพทย์ และกลุ่มนักพฤติกรรมสัตว์มาดับฝันของคนรักน้องหมาด้วยการบอกว่า น้องหมาเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถร้องไห้เพราะรู้สึกเศร้าเสียใจได้ และอาการสะอึกของน้องหมาก็เกิดมาจากอาการระคายเคือง หรือ แพ้บางอย่างในทางเดินหายใจหรือที่เรียกว่า อาการ Reverse Sneezing ไม่ใช่การสะอื้นเสียใจอย่างที่เข้าใจผิดกัน (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ Reverse Sneezing อาการ (แปลก) ของสุนัข ที่หลายคนอาจไม่ ค่ะ) 

 

 

 

     นอกจากนี้ ดร.แคโรไลน์  คอนล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาสุนัข พฤติกรรม พันธุกรรม ของสุนัขได้กล่าวไว้ในหนังสือคู่มือการเลี้ยงชิวาวา (Chihuahau Handbook)  ว่า ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่เวลาเห็นน้ำตาของน้องหมาไหลออกมา มักจะหันไปกังวลเรื่องความรู้สึกของน้องหมาว่าร้องไห้ทำไม เสียใจอะไร มากกว่าจะห่วงว่ามีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับดวงตาของพวกเขาหรือไม่ ซึ่งในความจริงแล้วการมีน้ำตาไหลออกไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากน้องหมาไม่ได้มีระบบประสาท สมอง ฮอร์โมนบางชนิด หรือ แม้กระทั่งภาษากายที่เหมือนกับคน น้ำตาที่ไหลออกมาจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพ การกิน สิ่งแวดล้อม และ การเลี้ยงดู   
 

      ซึ่งโดยธรรมชาติของน้องหมาแล้ว พวกเขาใช้การสื่อสารด้วยหู กับ จมูกเป็นหลักตั้งแต่แรกเกิดไม่ได้ใช้ดวงตาสื่อสารเป็นหลักเช่นกับกับคน อย่างเช่น เมื่อน้องหมาเกิดมา ดวงตาของพวกเขายังไม่ลืมตา ก็จะใช้หูกับประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นในการพาตัวเองไปหาแม่ แม่หมาจะฟังจากเสียงลูกหมาที่ร้องหงิงๆ ว่าอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกใด ส่วนลูกหมาเองจะสื่อความรู้สึกด้วยเสียงร้อง ไม่ใช่การร้องไห้ น้ำตาไหลพรากๆ เหมือนกับเด็ก การที่คิดไปว่าน้องหมาน้ำตาไหลเพราะร้องไห้เสียใจจึงเป็นการนำเอาประสบการณ์ทางอารมณ์ของคนเข้าไปเกี่ยวโยงเข้าไปพฤติกรรมน้องหมา ดังนั้น แทนที่ผู้เลี้ยงจะกังวลพวกเขาเรื่องความรู้สึก อาจจะต้องหันกลับมามองว่ามีอะไรผิดปกติดวงตาของพวกเขามากกว่าค่ะ

 

 

 

     อย่างไรก็ตาม สแตลีย์ โคเรน ผู้เขียนหนังสือ  "How to Speak Dog"  ได้แย้งความเห็นของเหล่านักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ว่า เขาเองเคยเห็นน้องหมาถูกลวดหนาวเกี่ยวเป็นแผลฉกรรจ์ ร้องไห้มีน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด และยังเคยเห็นน้องหมาที่เขาเลี้ยงร้องไห้ด้วยความทุกข์ทรมานก่อนสิ้นใจ ซึ่งอาจจริงอยู่ที่ว่าระบบประสาท และ ภาษากายของน้องหมาไม่มีการสื่อสารด้วยการร้องไห้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ 

 

 

 

 

 

 

 

     นักจิตวิทยาและพฤติกรรมสัตว์ส่วนใหญ่ได้ระบุไว้ว่า มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ร้องไห้จากอารมณ์ความรู้สึก ส่วนน้องหมาจะใช้เสียงไม่ว่าจะเสียงร้อง เสียงเห่า หรือเสียงหอนด้วยโทนเสียงที่แตกต่างกัน ในการบอกความรู้สึกของตัวเองและระบายความทุกข์ ความเหงา ความกลัว ความเจ็บปวดเสียใจ และความโกรธ ออมา หากเราลองตั้งใจฟังเสียงร้องของพวกเขา เราจะสามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าเสียงร้องนั้นสะท้อนความรู้สึกใดของน้องหมา เช่น เสียงเอ๋งๆ คือ เจ็บปวด หวาดกลัว เสียงหงิงๆ คือ วิตกกังวล หอนโหยหวน คือ เหงา เป็นต้น    (เรียนรู้เรื่องเสียงของน้องหมาเพิ่มเติมได้ที่บทความ เปิดหู เปิดตา เปิดใจ เรียนรู้ภาษาน้องหมาฉบับเต็ม! ค่ะ)

 

     นอกจากเสียงของน้องหมาที่ช่วยให้เราได้รู้ว่าพวกเขากำลังรู้สึกอย่างไรแล้ว ยังสามารถดูได้จากภาษากายและพฤติกรรมของพวกเขาได้อีกเช่นกันค่ะ ซึ่งถ้าเพื่อนๆ คนไหนรู้สึกว่าพวกเขากำลังรู้สึกเครียด หรือ วิตกกังวล แต่ก็ไม่แน่ใจอยู่ ให้ลองเข้าไปดูภาษากายน้องหมาได้ที่บทความ  10 ภาษากายน้องหมาที่กำลังบอกว่าเครียด วิตกกังวล นะคะ 

 

 

     ในกรณีน้องหมามีความกังวล หวั่นกลัว กระวนกระวาย เสียใจ ไม่ควรขึ้นเสียง ตะโกน ตะคอกใส่ หรือ ขังพวกเขาไว้ให้อยู่ตามลำพัง เพราะนั่นจะยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกไม่มั่นคง แต่ควรพาพวกเขาออกไปเดินเล่น ทำกิจกรรรมร่วมกับครอบครัว ฝึกวินัยโดยใช้แรงเสริมเชิงบวก สร้างความสุข ปลดความทุข์ให้พวกเขาดีกว่าค่ะ (อ่านเพิ่มเติมการฝึกโดยใช้แรงเสริมเชิงบวกได้ที่บทความ สุดยอดเทคนิคการฝึกสุนัขจากผู้ฝึกสุนัขชื่อดังของโลก!! ค่ะ)

 

 

 

 

 

http://www.dogilike.com/

 

ข้อมูลอ้างอิง :
 

http://dogcare.dailypuppy.com/can-dogs-cry-tears-2335.html

http://www.vcahospitals.com/main/news/pet-news/can-dogs-cry/460

http://www.vetstreet.com/our-pet-experts/why-does-my-dog-cry

http://happytailsspa-blog.com/2008/09/11/the-5-most-common-reasons-for-dog-tear-stains/

www.dogsbestlife.com

 

ภาพประกอบ :
 

bionicdogblog.wordpress.com

dogcare.dailypuppy.com

lilaclane.com

doghealthnews.com 

www.doglistener.co.uk

www.pets4homes.co.uk 

www.dogcollarssource.com