แทบทุกเช้าเมื่อคุณตื่นเช้ามา เจ้าสุนัขของคุณก็มันจะขึ้นมานั่นอยู่บนตัวคุณ หรือกระโดดไปทั่วเตียงเพื่อพยายามปลุกคุณขึ้นมาต้อนรับวันใหม่ด้วยความกระตือรือร้นเหมือนอย่างที่พวกมันเคยเป็น
แต่เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมในบางครั้งมันกลับเลือกที่จะไปนอนหลบอยู่ใต้เตียงมากกว่าที่จะกระโดดขึ้นมานั่งดี๊ด๊าบนโซฟาร่วมกับเรา โดยปกติมันเป็นพฤติกรรมที่ไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด สุนัขจะซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง (หรือบริเวณที่มืดพื้นที่เล็กๆ) ส่วนมากก็เพราะพวกมันต้องการหาพื้นที่เงียบสงบและเหมาะต่อก่อนพักผ่อนเฉยๆ เปรียบเสมือน “ถ้ำของสัตว์” นั่นเอง
พื้นที่เล็กๆ ทำให้สุนัขรู้สึกปลอดภัยและช่วยให้พวกมันผ่อนคลายมากขึ้น และสุนัขมักจะชื่นชอบอุณหภูมิใต้เตียงหรือพรมด้วย ถ้าสุนัขของคุณชื่นชอบการไปนอนอยู่ใต้เตียง
เนื่องจากต้องการหามุมมืดๆ สงบๆ คุณสามารถสร้างพื้นที่บริเวณใหม่ที่คล้ายกันนี้ได้ เช่น กล่องลัง หรือกรงที่มีเตียงนุ่มและนำผ้าห่มปูคลุมไว้ ก็เป็นสถานที่พักผ่อนที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป ในอีกมุมหนึ่งการที่สุนัขไปหลบอยู่ใต้เตียงนั้นอาจเป็นเพราะความวิตกกังวลหรืออาการป่วยก็ได้ หากสุนัขกำลังเผชิญกับอาการเหล่านี้
พวกมันก็อาจต้องการแค่บริเวณที่จะปลีกตัวไปพักผ่อนสักเล็กน้อย เช่น ช่วงพายุฝนฟ้าคะนอง หรือปาร์ตี้ที่มีผู้คนมากมาย พวกมันอาจไม่ได้คุ้นชินกับอะไรเหล่านี้สักเท่าไหร่ และต้องการหาที่เงียบสงบเพียงเท่านั้น (แมวก็มักทำแบบนี้เช่นเดียวกัน)
หากสุนัขของคุณมีความวิตกกังวลเพิ่มสูงขึ้น พวกมันก็จะเริ่มหาวิธีการปลดปล่อยความตึงเครียดของพวกมันในรูปแบบต่างๆ ซึ่งการไปแอบใต้เตียงก็เป็นหนึ่งในวิธีการปลดปล่อยความตึงเครียดเช่นกัน จากรายงานการศึกษาของ The Nest ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญแห่ง University of California Davis School of Veterinary Medicine แนะนำให้ฝึกมันโดยการสร้างเสียงเลียนแบบที่กระตุ้นความวิตกกังวล เช่น ฝนฟ้าคะนอง หรือพลุเพื่อสร้างความคุ้นชินให้กับมัน
โดยเริ่มจากเสียงเบาๆ ก่อน ค่อยๆ ฝึกไปที่ละนิดหากมันมีทัศนคติที่ดีต่อเสียงที่สร้างขึ้นก็กล่าวชมและให้ขนมรางวัลมันด้วย พยายามฝึกสัก 2 – 3 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 5 นาที เพื่อให้มันคุ้นชินกับสถานการณ์เหล่านั้น หากสุนัขของคุณหลบใต้เตียงเพียงเพื่อผ่อนคลาย พฤติกรรมนี้ก็อาจไม่เป็นอันตราย แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณคิดว่าเริ่มมีบางสิ่งที่ผิดปกติหรือมันไม่ได้ไปมุดหลบซ่อนอยู่ในที่ปกติของมัน คุณก็ควรพามันไปพบสัตวแพทย์เพื่อความแน่ใจสักนิดนึง
แหล่งที่มา: Mental Floss