สุนัข พันธุ์ไทย เฝ้าบ้าน สุนัขเฝ้าบ้านไม่ดุ พันธุ์หมาตำรวจ สุนัขพันธุ์ใหญ่ในไทย เลี้ยงบางแก้ว เฝ้าบ้าน สุนัขขนาดกลาง เฝ้าบ้าน สุนัข พันธุ์ ไทยหลังอาน ราคา เลี้ยงอะไรเฝ้าบ้าน สุนัขพันธุ์เล็กเฝ้าบ้าน

สุนัขไทย

       สุนัขพันธ์ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback) เป็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองเก่าแก่ของประเทศไทย มีขนาดกลาง ขนสั้น หูตั้งเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายจมูกสีดำและปากรูปลิ่ม หางเรียวยาวเป็นรูปดาบ ลักษณะเด่นคือมีอานซึ่งเกิดจากขนขึ้นในแนวย้อนกับแนวขนปกติอยู่บนหลัง ถิ่นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานอยู่ในภาคตะวันออก แถบจังหวัดจันทบุรีและตราดคนพื้นเมืองใช้สุนัขพันธุ์นี้ล่าสัตว์และติดตามเกวียนเพื่อคอยระวังภัย ระบบการคมนาคมที่ยังไม่ดีในสมัยก่อนทำให้ไทยหลังอานสามารถคงลักษณะดั้งเดิมอยู่ได้นาน

มาตรฐานสายพันธุ์และสีของไทยหลังอาน ปัจจุบันได้รับการยอมรับในวงการประกวดสุนัขอยู่ 4 สี คือ

  • สีน้ำตาลแดง หรือ สีแดง
  • สีดำปลอด
  • สีสวาด
  • สีกลีบบัว

นอกจากนี้ยังมีสีหรือลวดลายอื่น ๆ ด้วย แต่ยังไม่ได้รับการยอมรับในวงการประกวดสุนัข เช่น ลายเสือ เป็นต้น

 ถิ่นกำเนิดสุนัขไทยหลังอาน

       สุนัขไทยหลังอานถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ได้อย่างไร มีการวิเคราะห์และศึกษาจากผู้รู้คิดว่าสุนัขไทยหลังอานน่าจะมาจากสุนัขในกลุ่ม Wolf และ Jackal สุนัขไทยหลังอานเป็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองที่อยู่ในย่านเอเชียตะวันออกในเขตร้อน ซี่ง สุนัขพื้นเมืองในเขตนี้จะดูมีลักษณะคล้ายๆ กัน เช่น สุนัขในประเทศลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า มาเลเซีย บางแถบของประเทศจีน สุนัขในแถบนี้จะมีกะโหลกศีรษะเป็นสามเหลี่ยมรูปลิ่ม มีกรามใหญ่ที่แข็งแรง มีหูทั้งสองข้างตั้งชัน มีเส้นหลังตรง มีหางตั้งยกขึ้นเหมือนดาบหรือเคียวแต่สุนัขไทยหลังอานจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะคือมีขนบริเวณหลังขึ้นในแนวย้อนกลับ ที่สุนัขพันธุ์อื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันของประเทศต่างๆ ไม่มี และนี่จึงเป็นที่มาของสุนัขไทยหลังอาน

 

        จากงานวิจัยของร.ศ. สุรวิช วรรณไกรโรจน์ อาจารย์ประจำคณะเกษตรมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้พบว่ามีภาพเขียนผนังถ้ำในยุคหินใหม่อายุราว 2000 ปี ที่จังหวัดนครราชสีมาและอุทัยธานี เป็นรูปสุนัขหูตั้งหางดาบ สีพื้นยืนคู่กับพรานธนูและลายเสือ แต่ภาพไม่มีรายละเอียดพอให้เห็นได้ว่ามีอานหรือไม่ นอกจากนี้ผู้วิจัยยังไม่พบว่ามีการบันทึกเรื่องราวของสุนัขไทยหลังอานก่อนรัชสมัยรัชกาลที่ 9 เพราะสมุดข่อยยุคต้นรัตนโกสินทร์ที่กล่าวถึงสุนัขมงคลก็ไม่ได้กล่าวถึงสุนัขหลังอานหรือสุนัขที่มีขนย้อนกลับบนแผ่นหลังแต่ประการใด ทั้งนี้สมุดข่อยโบราณซึ่งถูกอ้างว่ามีอายุ 300 กว่าปีมาซึ่งมีใจความว่า "สุนัขตัวมันใหญ่ มันสูงเกินสองศอก มีสีต่างๆ ไม่ซ้ำกัน มันมีขนที่หลังกลับ มันร้ายมันภักดีต่อผู้เลี้ยงมัน มันหากินขุดรูหาสัตว์เล็กๆ มันชอบตามผู้เลี้ยงไปป่าหากิน มันได้สัตว์ มันจะนำมาให้เจ้าของ ถึงต้นยางมีน้ามัน มันมีกำลังกล้าหาญไม่กลัวใคร ธาตุสีทั้งหลาย รัชตะชาด มันมีโคนหาง มันมีหางเป็นดาบชาวป่า ถ้าผู้ใดมีไว้ในครอบครองจะได้รับความภักดีจากมัน"นั้น เมื่อได้ถูกนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณของหอสมุดแห่งชาติอ่านในปี พ.ศ. 2539 แล้วไม่พบข้อความที่กล่าวอ้างแต่ประการใด ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษางานวิจัยของนักประวัติศาสตร์ชาวซิมบับเวแล้วใช้ ข้อมูลทางพันธุศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่าสุนัขทีมีลักษณะหลังอานซึ่งเป็น บรรพบุรุษของสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานน่าจะถือกำเนิดขึ้นจากการกลายพันธุ์จาก สุนัขพันธุ์ปกติซึ่งไม่มีอานเมื่อไม่น้อยกว่า 1500 ปีมาแล้วในอาณาจักรฟูนัน แล้วสุนัขพันธุ์ดังกล่าวจึงได้ถูกเผยแพร่ไปยังอินเดียและโรดีเชียในเวลาต่อมา จนเป็นต้นกำเนิดของสุนัขหลังอานพันธุ์ Ari ของชนเผ่า Hottentot(คำว่า "Ari" นั้นมาจากภาษาอินเดียโบราณ แปลว่า"สุนัข") และสุนัขหลังอานพันธุ์ผสม Rhodesian ridgeback

       นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้สรุปว่าการมีอานนั้นมียีนควบคุมแบบข่มข้ามคู่ (epistasis) เนื่องจากสุนัขที่ไม่มีอานมาในสายเลือดเลย 2 ตัว เมื่อผสมพันธุ์กันแล้วอาจได้ลูกที่มีอานได้ ขณะที่ขนาดของอานขึ้นกับจำนวนยีนสะสม (additive genes) ซึ่งหมายความว่าสุนัขที่มีอานขนาดใหญ่ มียีนควบคุมการเกิดอานอยู่มากกว่าสุนัขที่มีอานเข็มหรืออานธนู นอกจากนี้รูปร่างของอานยังมียีนปรับแต่ง (modifying genes)ที่ส่งผลให้อานมีลักษณะสมมาตรหรือไม่อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนขวัญรอบอานก็อยู่ภายใต้การควบคุมของยีนสะสมเช่นกัน

 

       อย่าง ไรก็ตามสุนัขไทยหลังอานถูกจัดให้เป็น"สุนัขประจำชาติไทย" โดยเป็นสุนัขที่สามารถช่วยปกป้องเตือนภัย ดูแลทรัพย์สิน และช่วยยังชีพในการออกป่าล่าสัตว์ ของคนไทยมาแต่โบราณกาล เราจะสามารถพิสูจน์ได้ว่า สุนัขไทยหลังอานของเราเคยอยู่คู่กับคนไทยเรามานานมากแล้ว โดย ถ้าเราไปตามที่ชุมชนดั้งเดิมที่ยังมีการรักษาวัฒนธรรมไทยมาแต่ปู่ย่า ตายาย หรือ ตามพื้นที่นอกปริมณฑล เมื่อชาวบ้านเห็นสุนัขไทยหลังอาน พวกเขาจะเรียกชื่อสุนัขไทยหลังอาน กันอีกชื่อหนึ่งว่า "หมาพราน" เราจะเห็นได้ว่าสุนัขไทยหลังอานเราจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะมากมาย ที่สุนัขพันธุ์อื่นไม่มีเหมือนหรือเปรียบเทียบได้เลยกับสุนัขไทยหลังอานของ เรา ไม่ว่าจะเป็น "พันธุ์แท้ดั้งเดิม" ที่มีการพัฒนาด้วยตัวของมันเองมาแต่โบราณกาล มาจนถึงกระทั่งทุกวันนี้ ซี่งพึ่งมีคนหันมาให้ความสนใจในสุนัขไทยหลังอานและนำมาพัฒนาพันธุ์เมื่อไม่นานมานี้ 

มาตรฐานพันธุ์

ขนาด

เพศผู้

เพศเมีย

ความสูง (เซนติเมตร)

52.5 - 62.5

47.5 - 57.5

น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)

22 - 24

20 - 22

      ขน : สุนัขไทยหลังอานจะมีขนสั้น แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบกำมะหยี่ ขนจะสั้นเกรียนติดผิวหนังและมีความนุ่ม และแบบสั้นแต่ไม่เกรียนติดหนัง

      สี : สีควรเป็นสีเดียวทั้งตัว ส่วนสีที่พบได้ คือ น้ำตาล, น้ำตาลแดง, น้ำตาล อ่อน, น้ำตาลดำ, ขาว, กลีบบัว และสีสวาท

 

 

 

สุนัขไทยบางแก้ว

ประวัติสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว

                ประวัติความเป็นมาของสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว  จากข้อมูลที่ได้สอบถามจากประชาชน ตลอดจนผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้านบางแก้ว ตำบลท่านางงาม และบ้านชุมแสงสงคราม ตำบลชุมแสงสงคราม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พอจะสรุปได้ว่า แหล่งกำเนิดของสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วนั้นอยู่ที่วัดบางแก้ว ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำยม สภาพภูมิประเทศทั่วๆ ไปนั้นยังคงเป็นป่าพง ป่าระกำ ป่าไผ่ และต้นไม้ชนิดต่างๆ ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าชนิดต่างๆ ชุกชุม เช่น ช้างป่าเป็นโขลงๆ หมูป่า ไก่ป่า สุนัขจิ้งจอก และหมาใน

                หลวงพ่อมาก เมธาวี  เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ของวัดบางแก้ว ที่วัดของท่านเลี้ยงสุนัขไว้ไม่ต่ำกว่า 20-30 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสุนัขที่ดุขึ้นชื่อลือชา และชาวบ้านทราบกันดีว่า ใครที่เข้ามาในวัดแต่ละครั้งจะต้องตะโกนให้เสียงแต่ไกลๆ เพื่อให้อาจารย์มาก เมธาวี ท่านช่วยดูหมาเอาไว้ก่อน มิฉะนั้นจะถูกมันไล่กัด ด้วยกิตติศัพท์ในความดุของสุนัขที่วัดบางแก้วนี้เอง จึงมีผู้นิยมมาขอลูกสุนัขไปเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน เฝ้าเรือน เฝ้าเรือ เฝ้าแพ เฝ้าวัว เฝ้าควาย พื้นที่ที่สุนัข พื้นที่ที่สุนัขไทยพันธุ์บางแก้วได้ขยายพันธุ์ไปมากที่สุดก็คือ ตำบลท่านางงามและตำบลชุมแสงสงคราม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก แต่ในปัจจุบันได้ขยายวงกว้างออกไปหลายจังหวัด

        เหตุผล ที่สันนิษฐานว่า สุนัขไทยพันธุ์บางแก้วเป็นสุนัขลูกผสมสามสายเลือด เพราะพื้นที่ในเขตตำบลท่านางงาม ตำบลชุมแสงสงคราม อำเภอบางระกำ ในอดีตนั้นเป็นป่าดงพงพีทีอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด รวมทั้งสุนัขจิ้งจอกและหมาในอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โอกาสที่สุนัขจิ้งจอกและหมาในตัวผู้จะมาแอบลักลอบเข้ามาผสมพันธุ์กับสุนัข ไทยตัวเมียที่เลี้ยงไว้ในวัดบางแก้วนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากทีเดียว เพราะสุนัขป่าทั้งหลายนี้เป็นสุนัขที่กล้าชาญชัย ว่องไว ใจปราดเปรียว แข็งแรง ซึ่งเรื่องนี้อาจารย์ท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตร ได้ตรวจโครโมโซมของสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วแล้ว พบว่ามีโครโมโซมของสุนัขจิ้งจอกปะปนในโครโมโซมของสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว ซึ่งเป็นการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ว่าสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วสืบเชื้อสายจากสุนัขลูกผสมระหว่างสุนัขบ้านกับสุนัขจิ้งจอก สุนัขไทยพันธุ์บางแก้วจึงมีลักษณะดีเด่นปรากฏโฉมออกมาคือ มีขนยาว ขนมีลักษณะเป็นขนสองชั้นคล้าย หางเป็นพวงสวยงาม มีขนแผงคอคล้ายแผงคอสิงโต ดุ เฉลียวฉลาด มีไอคิวสูง ไม่แพ้สุนัขพันธุ์ต่างประเทศ มีความสวยงาม

 

ลักษณะทั่วไปของสุนัขไทยบางแก้ว

      มีขนปุยยาว มีความสง่างาม ว่องไวและแข็งแรง เวลายืนมักเชิดหน้าและโก่งคอคล้ายม้า เป็นสุนัขขนาดกลาง รูปทรงตั้งแต่ช่วงขาหน้าถึงขาหลังเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส อกกว้างและลึกได้ระดับกับข้อศอก ไหล่กว้าง ท้องไม่คอดกิ่ว หน้าแหลม หูเล็ก หางพวง ขนมีสองชั้น นิสัยรักเจ้าของ ฉลาดปราดเปรียว กล้าหาญ ค่อนข้างดุ สามารถฝึกหัดได้ ชอบเล่นน้ำมาก ขนาดเท่าสุนัขไทยทั่วไป หรือเล็กกว่าเล็กน้อย ไม่อ้วน ความสูงวัดที่ไหล่ ตัวผู้พ่อพันธุ์สูง 42-53 เซนติเมตร ตัวเมียแม่พันธุ์ 38-48 เซนติเมตร น้ำหนักตัวผู้ 14-16 กิโลกรัม ตัวเมีย 13-15 กิโลกรม

  

ลำตัว ช่วงตัวตอนหน้าใหญ่ ช่วงตัวตอนท้ายค่อนข้างเล็ก ลำตัวหนาปานกลาง อกลึกปานกลาง อกแคบ ยืดอกเวลายืน ส่วนเอวจะคอดน้อยกว่าหมาไทย ท้ายลาด สง่าเหมือนสุนัขจิ้งจอก ส่วนขา ขาหน้าจะใหญ่กว่าขาหลังเล็กน้อย ขาส่วนบนใหญ่และเรียวลงมาถึงข้อเท้า ตั้งตรงแข็งแรง ถ้าดูด้านข้างจะเห็นขนยาวเป็นเส้นตรงจากข้อเท้าด้านหลังขึ้นไปถึงข้อศอกเหมือนขาสิงห์ ขาหลังช่วงล่างมีทั้งตั้งตรงและเกือบตรง ช่วงบนด้านหลังจะมีขนยาว เป็นเส้นตรงขึ้นไปจนถึงโคนหาง เวลายืนท่าปกติจะรับน้ำหนักทรงตัวดี นิ้วเรียงชิดกัน ขนที่ปลายนิ้วยาวหุ้มเล็บ หัว กะโหลกใหญ่ ปากยาวแหลม คอยาวกว่าหมาไทยทั่วไป กะโหลกศีรษะและปากรับกันเป็นรูปสามเหลี่ยม หูเล็กสั้น ตั้งป้องไปข้างหน้า ปลายหูเบนไปข้างๆ เล็กน้อย โคนหูทั้งสองอยู่ห่างกันมากกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ จึงใช้เป็นจุดเด่นในการสังเกตว่าเป็นสุนัขบางแก้ว ภายในหูมีขนปรายปิดรูหูอย่างสีดำมีแววของความไม่เชื่อใจใครง่ายๆ ขณะโกรธหรือขู่จะขึ้นแววฟ้า ใสแววที่เรียกกันว่า ตาเขียว จมูกสีดำ ฟันซี่เล็กข่าวคม มีเขี้ยวข้างบน 2 ล่าง 2 ลิ้นเป็นสีชมพู ส่วนมากไม่มีปานดำเหมือนสุนัขไทยทั่วไป ขนสองชั้น หนา ชั้นล่างละเอียดอ่อนนิ่ม ขนชั้นบนยาวเป็นเส้น เมื่อยังเล็กจะมีขนยาวปุกปุยแน่นทั่วตัว แต่เมื่อโตขึ้นจะมีขนยาวปานกลางแน่นทั้งตัว ขนที่กลางหลังตั้งแต่แผงคอไปยังโคนหางจะยาวกว่าขนบริเวณอื่น ๆ มีแผงขนเป็นชั้นช่วงสันหลัง เวลาโกรธจะฟูยกให้เห็นชัดเจน ด้านล่างจากข้อเท้าตอนล่างถึงโคนขาตอนบนจะมีขนยาวฟูพอประมาณ หางต้องเป็นพวง ถือเป็นลักษณะเด่นที่สืบทอดมาจากสุนัขจิ้งจอก

 

ลักษณะใบหน้า

1. ลักษณะหน้าเสือ ใบหน้าดูคล้ายเสือ มีกะโหลกศีรษะใหญ่ หน้าผากกว้าง โคนหูตั้งอยู่ห่างกัน หูเล็กแบะออกเล็กน้อย แววตาเซื่องซึม พื้นสีตามักจะเป็นสีเหลืองทองคล้ำ ม่านตาตรงกลางสีดำ มีขนย้อยจากโคนหูด้านล่างเป็นแผงที่คอ เรียกว่า แผงคอ แต่ไม่รอบคอ ขนมีทั้งฟูและไม่ฟู มีหางเป็นพวง ทั้งหางงอ และหางม้วน แลดูดุร้าย

2. ลักษณะหน้าสิงโต มีกะโหลกศีรษะเล็กกว่าลักษณะหน้าเสือ หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยม ป้องไปข้างหน้ารับกับใบหน้าอย่างสวยงาม ปากไม่เรียวแหลมมาก ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป มีขนยาวตั้งแต่โคนหูลงมาด้านล่าง เป็นแผงรอบคอ และมีขนเป็นเคราจากใต้คางย้อยลงมาเหมือนคอพอกลงมาถึงคอด้านล่าง ที่บริเวณรอบลำคอมีขนยาวโดยรอบ มีทั้งขนสั้นฟูและฟูยาว เมื่องมองจากดานหน้าจะมีลักษณะคล้ายสิงโต ลักษณะเท้ายาวอูม ขนยาวหุ้มปลายเท้าเล็กน้อย มองดูคล้ายเท้าหมี ขนมีทั้งยาวฟู สั้นฟู หางมีทั้งม้วนสูงและม้วนต่ำ เป็นพวงและไม่เป็นพวง ช่วงตอนหน้าใหญ่ตอนท้ายเล็ก ยามปกติแววตาและท่าทางเซื่องซึม แต่เมื่อเป็นศัตรูปรือคนแปลกหน้า จะเปลี่ยนเป็นดุร้ายและคล่องแคล่วว่องไวทันที ลักษณะหน้าสิงโตเป็นลักษณะที่หายากมาก นาน ๆ จึงจะพบเห็นสักตัวหนึ่ง

3. ลักษณะหน้าจิ้งจอก มีใบหน้าแหลม หูใหญ่กว่าลักษณะหน้าเสือและหน้าสิงโต ใบหูไม่ตรงโย้ออกด้านข้าง มองดูเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ปากแหลมเรียวและค่อนข้างยาว ขนอ่อนยาวเรียบ ขนหางเป็นพวง รูปร่างมีทั้งใหญ่ กลางและเล็ก อุปนิสัยไม่ค่อยดุร้ายเหมือนสองพวกแรก

สนับสนุน

สั่งซื้อ CalFlex ตอนนี้ลดราคาจาก 1280 บาท เหลือ 1150 บาทเท่านั้น เลขจดแจ้ง 0108640006


เสริมวิตามิน ซี,วิตามิน บี1, บี2,บี6 โฟเลต,กลูโคซามีน

ส่วนประกอบ

กลูโคซามีนไฮโดรคลอไรด์

วิตามินซี

วิตามินบี 1

วิตามินบี 6

วิตามิน บี 2

โฟลิกแอซิด

นมผง

วิธีใช้ น้ำหนักตัว น้อยกว่า 20 กิโลกรัม ให้กินวันละ 1 เม็ด

น้ำหนักตัวมากกว่า 40 กิโลกรัม ให้กินวันละ 2 เม็ด

แคตตาล็อก
Read More
ข้อเสื่อมสุนัข หมาข้อสะโพกเสื่อม pantip สุนัขขาไม่มีแรง หมา ขา บวม มาก ทํา ไง วิตามินบำรุงหมาแก่ กายภาพบําบัดสุนัขเดินไม่ได้ หมา ขา บวม แข กระตุ้นปลายประสาทสุนัข ยารักษาสุนัขขาอ่อนแรง กายภาพสุนัข Pantip สุนัขไม่มีแรงเดินเซ ที่พยุงขาหลังสุนัข กายภาพสุนัขอ
หากคุณสังเกตได้ว่าสุนัขขาหลังไม่มีแรง โดยเฉพาะสุนัขพันธุ์ใหญ่ หากเขามีอาการลุกและนั่งได้ลำบาก...
By dictip 2020-12-03 04:27:09 0 868
Business class กับ First class การบินไทย ต่างกันยังไง
#หมัดต่อหมัด Business class กับ First class การบินไทย ต่างกันยังไง   เมนูอาหาร First...
By dictip 2019-06-21 08:44:43 0 8105
ลูกแมวเดินแล้วล้ม ลูกแมวเดิน เซ ขาหลัง ไม่มี แรง ลูกแมวทรงตัวไม่ได้ ลูกแมวเดินแปลกๆ แมวเดิน เซ ขาหลัง ไม่มี แรง แมวเดินเซ ล้ม แมวเดินไม่ได้ เฉียบพลัน แมวเดินไม่ได้ ระบบประสาท ลูกแมวอ่อนแรง
ลูกแมวเดินแล้วล้ม ลูกแมวเดิน เซ ขาหลัง ไม่มี แรง ลูกแมวทรงตัวไม่ได้ ลูกแมวเดินแปลกๆ แมวเดิน เซ...
By dictip 2022-04-17 00:40:07 0 3127
สูตร นิสัย ของสุนัข ตัวผู้ สุนัขตัวผู้ ผสมพันธุ์ วิธีดูแลสุนัขตัวผู้หลังทำหมัน เลี้ยงสุนัข ตัวผู้ หรือ ตัวเมีย ดี นิสัย ปอม ตัวผู้ เพศสุนัข เลี้ยงชิวาว่าตัวผู้หรือตัวเมียดี ข้อดี ของการฝึกสุนัข เลี้ยงปอม ตัวผู้หรือตัวเมียดี
ลักษณะนิสัยของสุนัขตัวผู้       อ้อนเจ้าของ     ...
By dictip 2021-08-11 01:18:30 0 893
ตารางเวลาให้อาหารสุนัข
 เคยสังเกตกันไหมคะว่า ... เวลาเราให้น้องหมากินอาหารเร็วก่อนเวลากินอาหารปกติ...
By dictip 2022-07-21 01:33:16 0 359