สำหรับน้องมาที่มีอายุมาก การเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบเจอได้ในน้องหมาวัยนี้ แต่สำหรับน้องหมาที่มีอายุน้อยนั้น โอกาสที่จะเกิดโรคต่างๆ ถือว่ามีโอกาสน้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเลย โดยเฉพาะโรคกระดูกในน้องหมาพันธุ์ใหญ่ ที่มักเกิดขึ้นในน้องหมาวัยใสอายุไม่ถึง 1 ปี ทำให้น้องหมามีโครงสร้างกระดูกที่ผิดรูปบ้าง  หรือมีการเจริญเติบโตของกระดูกที่เร็วเกินไป ซึ่งมี 3 โรคที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษดังนี้ค่ะ

1. โรค Hypertrophic Osteodystrophy (HOD) พบได้บ่อยในน้องหมาพันธุ์ใหญ่ ไปจนถึงพันธุ์ใหญ่ยักษ์ ที่มีอายุระหว่าง 2 – 6 เดือน และพบในน้องหมาเพศผู้มากกว่าเพศเมีย ไม่ว่าจะเป็นไอริชเซ็ตเตอร์, เยอรมันเชฟเพิร์ด, ดัลเมเชี่ยน, ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์, เซนต์เบอร์นาร์ด, เกรย์ฮาวด์ เป็นต้น โดยมักพบอาการเจ็บขาโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการปวดบวมที่ปลายกระดูกขา และอาจพบได้ในกระดูกซี่โครง รวมถึงกระดูกกรามบนและล่างได้ ในบางรายที่ปวดมากอาจมีอาการซึม มีไข้ ปอดบวม ต่อมทอลซินอักเสบ ไม่ยอมลุกขึ้นเดิน คาดว่าเกิดจากการติดเชื้อ ขาดวิตามินซี รวมถึงบางรายอาจมีการเสริมแคลเซียมและวิตามินดีมากเกินไปอีกด้วย

สำหรับกรณีที่น้องหมาเป็นโรคนี้ คุณหมอมักจะรักษาโดยการให้ยาแก้ปวดและลดอาการอักเสบ เสริมวิตามินซีให้น้องหมา ส่วนรายที่เกิดอาการติดเชื้อ คุณหมอจะให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย เมื่อผ่านไป 7 – 10 วัน อาการน้องจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งดีใจไปนะคะ เนื่องจากโรคนี้สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ ควรพาน้องหมามาพบคุณหมอเป็นประจำทุกเดือนเพื่อตรวจเช็คอาการ จนกว่าน้องหมาจะมีอายุประมาณ 8 – 10 เดือน ถึงเริ่มวางใจได้ค่ะ

2. โรค Osteochodrosis หรือ Osteochondritis dissecans (OCD) มีสาเหตุหลักจากการที่ร่างกายของน้องหมามีการพัฒนาการของกระดูกที่เร็วเกินไป ในช่วงอายุ 4 – 12 เดือน (แต่ก็สามารถพบได้ในน้องหมาที่มีอายุมากได้เช่นเดียวกัน) โดยเกิดจากการที่กระบวนการเปลี่ยนสภาพของกระดูกอ่อนระหว่างการเจริญเติบโตถูกรบกวน ทำให้กระดูกอ่อนมีรูปร่างหนาผิดปกติตรงบริเวณข้อต่อ เมื่อกระดูกอ่อนมีรูปร่างบกพร่องไปจากปกติ ก็จะทำให้กระดูกอ่อนฉีกขาดเมื่อมีการขยับเขยื้อน โดยอาจมีบางส่วนที่ยังยึดติดกับกระดูกอยู่ หรือฉีกออกจากข้อต่อไปเลย นำไปสู่ภาวะข้อต่ออักเสบได้ และหากในรายที่มีอาการรุนแรงมาก อาจทำให้พิการได้เลย โดยข้อต่อที่มักเกิดโรคนี้บ่อยๆ ได้แก่ ไหล่ ข้อศอก ข้อเท้า หัวเข่า ทำให้น้องหมาเดินขากะเผลก หากเป็นรุนแรงมาก อาจถึงขั้นไม่ลงน้ำหนักในขาข้างนั้นเลย และทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวเกิดการฝ่อลีบในเวลาต่อมา

สำหรับการรักษา สามารถรักษาได้ 2 วิธี คือการรักษาด้วยยา และการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งแบบแรกนั้นจะใช้รักษาในกรณีที่น้องหมามีอาการไม่รุนแรงมาก และเพิ่งเริ่มเป็น โดยรักษาร่วมกับการจัดการอื่นๆ เช่น การให้สารอาหารบำรุงข้อจำพวกกลูโคซามีนและคอนดรอยติน, การกักบริเวณพักการใช้ขา ประมาณ 4 – 8 สัปดาห์ และการให้ยาลดอาการปวด ส่วนการรักษาด้วยการผ่าตัดนั้น จะเหมาะสำหรับน้องหมาที่มีอาการรุนแรง เพื่อนำเศษกระดูกอ่อนชิ้นเล็กๆ ที่เกิดการฉีกขาดในข้อต่อออก หลังจากการผ่าตัด คุณพ่อคุณแม่จะต้องทำการจำกัดการเดินของน้องร่วมด้วย โดยไม่ให้เคลื่อนไหวต่อไปอีกประมาณ 4 – 6 สัปดาห์, ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับปกติ และหลีกเลี่ยงการเดินบนพื้นแข็งๆ ด้วยค่ะ

3. โรค Panosteitis (Pano) เป็นอาการอักเสบของกระดูกที่มักพบในกระดูกท่อนยาว พบได้บ่อยในน้องหมาที่มีอายุระหว่าง 6 – 18 เดือน ในพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์, ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์, ซามอยด์, ร็อตไวเลอร์, เยอรมันเชฟเพิร์ด, ไอริชเซ็ตเตอร์ เป็นต้น และมักพบในน้องหมาเพศผู้มากกว่าเพศเมีย ยังไม่พบสาเหตุในการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่คาดกันว่าเป็นผลมาจากพันธุกรรม ความเครียด การติดเชื้อ รวมถึงภาวะทางโภชนาการ ที่มีการได้รับสารอาหารเช่นโปรตีนและแคลเซียมที่สูงเกินไป ส่งผลให้น้องหมามีอาการเจ็บขา, เดินกะเผลก ไม่ยอมลงน้ำหนักที่ขาข้างที่เกิดอาการ และอาจมีความผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วยเช่นมีไข้ น้ำหนักลด มีอาการเบื่ออาหาร ต่อมทอลซินอักเสบ มีปริมาณเม็ดเลือดขาวขึ้นสูง ฯลฯ

สำหรับการรักษา ในบางรายที่มีสุขภาพดี อาจเกิดอาการแค่ประมาณ 2 – 3 วันแล้วหายไปเอง แต่สำหรับบางรายที่มีอาการอักเสบ เป็นเวลา 2 – 3 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น คุณหมอจะให้น้องหมากินยาแก้ปวดเพื่อลดอาการอักเสบ รวมถึงยาปฏิชีวนะ (สำหรับในรายที่มีอาการติดเชื้อร่วมด้วย) ในระหว่างที่ทำการรักษา คุณพ่อคุณแม่จะต้องกักบริเวณไม่ให้น้องมีการขยับขามากนัก และเนื่องจากโรคนี้สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้จนกว่าน้องหมาจะมีอายุถึง 2 ปี คุณพ่อคุณแม่ควรพาน้องหมามาตรวจสุขภาพกับคุณหมอเป็นระยะๆ ด้วยนะคะ

ทั้ง 3 โรคนี้ต่างก็เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับน้องหมาในวัยเด็ก แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย ยิ่งเป็นในช่วงวัยที่กำลังเจริญเติบโตด้วย ยิ่งควรใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพื่อให้น้องเติบโตเป็นน้องหมาที่สุขภาพดี แข็งแรงสมบูรณ์ในแบบที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการ ดังนั้นอย่าลืมที่จะพาน้องไปหาคุณหมอเป็นระยะๆ ให้น้องหมาได้ทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ไม่มากไม่น้อยเกินไป และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ก็เพียงพอที่จะช่วยให้น้องหมาห่างไกลจากโรคต่างๆ เหล่านี้ได้แล้วค่ะ

ด้วยความปรารถนาดีต่อเพื่อนตัวน้อย

ข้อมูลอ้างอิง : dogilike