- ข้อความ
- ตั้งค่า
- FAVORITES
- หน้าข่าว
- บล็อกของฉัน
- My Products
- Saved Posts
- ADVERTISING
- Ads Manager
- Boosted Posts
- Boosted Pages
- EXPLORE
- ผู้คน
- Pages
- กลุ่ม
- Events
- Blogs
- ทะเบียนอาหารสัตว์
เมื่อเจอเห็บกินเลือดสุนัขอยู่ ควรทำยังไง
ภาษาหมา1.รีบหยิบออกทันที
2.รอให้มันกินเลือดให้อิ่มก่อน
เฉลย 1.รีบหยิบออกทันที
เห็บ เป็นสัตว์ดูดเลือดและพาหะนำโรคที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ต่อทั้งมนุษย์และสัตว์เลี้ยง แม้โดยทั่วไปหากถูกเห็บกัดจะไม่เกิดอันตรายและไม่ปรากฏอาการเจ็บหรือคัน แต่ในบางกรณีก็อาจเกิดอาการแพ้ มีผื่นขึ้น เป็นแผลพุพอง หรือถึงขั้นหายใจติดขัดได้ ดังนั้น การตระหนักถึงอันตรายจากเห็บและเรียนรู้วิธีรับมือป้องกันในเบื้องต้นก็อาจช่วยลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้
เห็บ เป็นอย่างไร ?
เห็บ เป็นปรสิตที่ใช้ปากกัดแล้วดูดเลือดสัตว์และมนุษย์เป็นอาหาร ซึ่งถูกพบมากกว่า 800 สายพันธุ์ทั่วโลก โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่ เห็บอ่อน ซึ่งมีผนังลำตัวอ่อนย่นและนุ่ม และเห็บแข็ง ซึ่งมีลักษณะลำตัวเรียบและมีปากยื่นออกมาจากลำตัว ซึ่งกลุ่มเห็บแข็งเป็นสายพันธุ์ที่มักพบว่ากัดและดูดเลือดมนุษย์
นอกจากนี้ เห็บบางชนิดอาจเป็นพาหะแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่อาจก่อให้เกิดโรคที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ผ่านทางน้ำลาย เช่น โรคลายม์ (Lyme Disease) โรคไข้เห็บ (Ehrlichiosis) และโรคทูลาริเมีย (Tularemia) เป็นต้น แต่โรคเหล่านี้ไม่ค่อยถูกพบในประเทศไทยนัก
โดยปกติ เห็บมักชอบซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า พุ่มไม้ หรือต้นไม้ เพื่อรอเกาะติดไปกับสัตว์หรือมนุษย์ที่ผ่านไปบริเวณนั้น ๆ ซึ่งส่วนมากในไทย มนุษย์จะติดเห็บมาจากการเล่นหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเห็บ และเมื่อเห็บติดมาก็มักซ่อนอยู่ในบริเวณที่อุ่นและชื้นตามร่างกายมนุษย์ เช่น รักแร้ ขาหนีบ และเส้นผม เป็นต้น
โดนเห็บกัดจะเป็นอย่างไร ?
โดยส่วนใหญ่ คนมักไม่รู้สึกตัวเมื่อถูกเห็บกัดในช่วงแรก เพราะจะไม่ปรากฏอาการเจ็บหรือคันผิวหนังเหมือนตอนถูกสัตว์ชนิดอื่น ๆ อย่างยุงหรือมดกัด อีกทั้งเห็บยังมีขนาดตัวที่เล็กมาก จึงทำให้สังเกตเห็นได้ยาก แต่เมื่อถูกกัดไปสักระยะหนึ่งแล้ว เห็บจะเริ่มขยายตัวจนทำให้สังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น เพราะเห็บจะยังคงอยู่ในบริเวณผิวหนังที่กัด ไม่ได้หนีหายไปเหมือนสัตว์หรือแมลงอื่น ๆ และหากปล่อยไว้นานประมาณ 7-10 วันจนดูดเลือดเต็มที่แล้ว เห็บก็จะเลิกดูดเลือดและหลุดออกไปเอง
โดยปกติ การถูกเห็บกัดนั้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือมีอาการใด ๆ แต่สำหรับผู้ที่แพ้เห็บอาจแสดงอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น มีอาการบวม หรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณที่ถูกกัด เป็นผื่น เป็นแผลพุพอง หายใจติดขัดในกรณีที่แพ้รุนแรง เป็นต้น ซึ่งเห็บบางชนิดก็อาจแพร่กระจายเชื้อโรคสู่มนุษย์ได้ทันทีที่กัด และโรคติดต่อจากเห็บอาจทำให้ผู้ป่วยปรากฏอาการต่าง ๆ แตกต่างกันไป โดยบางโรคอาจแสดงอาการหลังผ่านไป 2-3 วัน หรือนานเป็นสัปดาห์ตามแต่กรณี
ทั้งนี้ อาการที่อาจปรากฏขึ้นเมื่อเกิดโรคติดต่อจากเห็บ มีดังนี้
- มีจุดสีแดงหรือมีผื่นขึ้นใกล้กับบริเวณที่ถูกกัด
- มีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย
- ปวดศีรษะ
- ปวดข้อต่อกระดูกและกล้ามเนื้อ
- คอเคล็ด
- คลื่นไส้
- อ่อนเพลีย
- เป็นไข้ หนาวสั่น
- ต่อมน้ำเหลืองบวม
หากปรากฏอาการดังข้างต้น รวมทั้งมีอาการแพ้หลังถูกกัดหรือหลังจากดึงตัวเห็บออกแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมทันที
วิธีกำจัดเห็บด้วยตนเอง
สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำเมื่อถูกเห็บกัด คือ กำจัดตัวเห็บออกไปทันทีที่พบ ตามวิธีดังต่อไปนี้
- ก่อนนำตัวเห็บออก ควรฉีดพ่นยากันแมลงที่มีส่วนประกอบของสารไพรีทริน (Pyrethrin) หรือสารไพรีทรอยด์ (Pyrethroids) ลงบนบริเวณที่ถูกกัด หรือทาครีมที่มีส่วนผสมของสารเพอร์เมทริน (Permethrin) รอบ ๆ บริเวณดังกล่าว เพื่อทำให้เห็บเป็นอัมพาตจนสามารถดึงออกมาได้ง่ายขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น เมทิลแอลกอฮอล์ (Methylated Spirit) และน้ำมันก๊าด (Kerosene) เป็นต้น
- หลังจากฉีดพ่นยาแล้ว ห้ามใช้เข็มหรือไม้สะกิดตัวเห็บเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ดึงเห็บออกมาได้ยากขึ้น แต่ให้ใช้แหนบดึงตัวเห็บด้วยความระมัดระวัง โดยดึงตัวเห็บในบริเวณที่ใกล้กับผิวหนังที่สุด ดึงออกมาด้วยแรงบีบและความเร็วคงที่ ไม่บิด กระชาก บีบ ขยี้ หรือเจาะตัวเห็บ เพราะจะทำให้ของเหลวที่อาจมีเชื้อโรคถูกปล่อยออกมาจากตัวเห็บ
วิธีป้องกันเห็บกัด
เพื่อป้องกันการถูกเห็บกัด ควรระมัดระวังเมื่อต้องเดินป่า ทำสวน หรือไปในบริเวณที่มีเห็บชุกชุม โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการเดินผ่านพุ่มไม้หรือพงหญ้า และเลือกเดินตามเส้นทางเดินเท้า
- สวมเสื้อผ้าสีสว่างเพื่อให้มองเห็นเห็บที่เกาะติดมากับเสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น และเลือกสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และถุงเท้าข้อสูงคลุมปลายกางเกง เป็นต้น
- ใช้ยากันแมลงที่ปลอดภัย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารดีอีอีที (DEET) ประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ หรือสารเพอร์เมทริน สารที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับป้องกันเห็บ เป็นต้น
- หลังกลับจากเดินทางหรือตอนอยู่ในบริเวณที่มีเห็บชุกชุม ให้หมั่นมองหาเห็บตามร่างกาย โดยสังเกตทั่วร่างกายโดยละเอียด โดยเฉพาะบริเวณหลังหู ศีรษะ และคอ
- รีบถอดเสื้อและอาบน้ำทันทีหลังกลับจากบริเวณที่มีเห็บชุกชุม และนำเสื้อผ้าไปใส่ในเครื่องอบผ้า หรือเป่าด้วยไดร์เป่าผมลมร้อนประมาณ 20 นาที เพื่อฆ่าเห็บที่อาจหลงเหลือติดมากับเสื้อผ้า
- ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขหรือแมวให้สะอาดปราศจากเห็บอยู่เสมอ โดยให้สังเกตตามตัวของสัตว์เลี้ยงเมื่อสัตว์กลับมาจากนอกบ้าน หากพบเห็บให้รีบกำจัดเห็บออก ซึ่งอาจเลือกใช้ยากำจัดเห็บหมัดสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ด้วยเช่นกัน
Cr.pobpad.com/เห็บ-ผลกระทบต่อสุขภาพ
- Japan
- chat
- vs
- ภาษาหมา
- Golden Retriever โกลเด้น
- Labrador Retriever ลาบราดอร์
- Siberian Husky ไซบีเรียน ฮัสกี้
- Pug ปั๊ก
- Beagle บีเกิ้ล
- Pomeranian ปอมเมอเรเนียน
- Chihuahua ชิวาวา
- Shihtzu ชิห์สุ
- บางแก้ว
- หมา แมว
- สุนัขไม่มีแรง เดินเซ อาการ ขา สุนัข ไม่มี แรง โกลเด้น ขาหลังไม่มีแรง โกลเด้น เจ็บขา ลาบราดอร์ ขาหลังไม่มีแรง
- สุนัข กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รักษา สุนัข กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ค่ารักษา สมุนไพรรักษานิ่วในสุนัข อาการกระเพาะปัสสาวะแตกในสุนัข อาหาร สุนัข กระเพาะปัสสาวะอักเสบ สุนัข กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ สุนัข สุนัขเป็นนิ่ว ผ่าตัด อาหารรักษานิ่ว
- แมวเดินเซ pantip แมวมีอาการสั่น ไม่มีแรง แมวคอเอียง เดินเซ แมว ตัวโยก แมวทรงตัวไม่ได้ ลูกแมวเดินแปลกๆ แมว ขาหลัง ไม่มี แรง ทำ ไง ดี แมว กล้าม เนื้อ ขาอ่อน แรง
- สุนัข หายใจติดขัด สุนัขหายใจแรง ตัวสั่น สุนัขหายใจแรง ไม่กินอาหาร ชิวาว่าหายใจติดขัด สุนัขหลอดลมตีบ อาการ สุนัขหายใจแรง
- โรคไตในสุนัขระยะสุดท้าย สุนัขไตวายเฉียบพลัน โรคไตในสุนัข pdf โรคไตสุนัขเกิดจาก อาหารโรคไต สุนัข ป้องกันโรคไต สุนัข อาหารสุนัขโรคไต ทําเอง สุนัขโรคไต ไม่กินอาหาร
- โรคหัดสุนัข หัด สุนัข หัด สุนัข รักษา หาย ไหม หัด สุนัข อาการ โรค หัด สุนัข รักษา หาย โรค หัด สุนัข อาการ โรค หัด สุนัข โรค หัด สุนัข เดิน ไม่ ได้
- ภาษาแมว
- สุนัขกล้ามเนื้ออักเสบ
- Wellness
- Vote
- ของแท้ ของปลอม
- Uncategorized