Hip Dysplasia ในสุนัขคือโรคอะไร

1.โรคข้อสะโพกวิการ

2.โรคคลั่งไคล้ Hip Hop

เฉลย โรคข้อสะโพกวิการ

โรคข้อสะโพกวิการ ( Hip Dysplasia ) คืออะไร

   ข้อสะโพกอยู่ที่บริเวณขาหลังมีลักษณะกลมอยู่ในเบ้ากระดูกอีกชั้นหนึ่ง ส่วนที่มีลักษณะกลมนี้คือ ส่วนหัวของกระดูกโคนขาในขณะที่ เบ้าที่ครอบนั้นเป็นส่วนของกระดูกเชิงกราน โดยทั่วไปแล้ว กระดูกกลมนี้จะหมุนได้อย่างเป็นอิสระ ภายในเบ้ากระดูก โดยมีเอ็นเข้ามายึดกับข้อกระดูกเหล่านี้อีกที เพื่อความแข็งแรง บริเวณที่กระดูกทั้งสองส่วนมาสัมผัสกันเราเรียกว่า Articular surface ซึ่งจะมีลักษณะที่เรียบและถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเนื้อเยื่อนุ่มๆ ในสุนัขทั่วไปส่วนต่างๆเหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อการเคลื่อนไหวที่ดีและราบเรียบ

 

โรคข้อสะโพกวิการ ( Hip Dysplasia หรือเรียกสั้นๆว่า hip ) เป็นผลมาจากความผิดปกติของข้อสะโพกในสุนัขวัยเด็ก ซึ่งอาจเป็นกับขาข้างเดียวหรือทั้งสองขาก็ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วลูกสุนัขเกิดมาจะมีข้อสะโพกที่เป็นปกติ แต่เนื่องจากพันธุกรรม และจากสาเหตุอื่นๆ ทำให้เนื้อเยื่อที่หุ้มข้อต่อเหล่านี้ผิดปกติไป เมื่อลูกสุนัขเริ่มโตขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือ กระดูกไม่กลับเข้าที่ เมื่อมีการเคลื่อนไหว ทำให้บริเวณ Articular surface ไม่เกิดการสัมผัสกันของกระดูกทั้งสอง ซึ่งเรียกลักษณะนี้ว่า Subluxation และนี่คือสาเหตุทั้งหมดของโรคนี้

 

อาการของโรคข้อสะโพกวิการ

  สุนัขทุกอายุ เมื่อเป็นโรคนี้ จะสามารถเห็นอาการที่แสดงออกมา ในกรณีที่อาการรุนแรง ลูกสุนัขที่อายุ 5 เดือนจะเริ่มแสดงอาการปวด หรือมีอาการไม่ดี ในขณะออกกำลังกาย หรือหลังจากนั้น และอาการจะยิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถที่จะเดินได้ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่จะยังไม่มีอาการ จนสุนัขอายุ 1 ปีขึ้นไปแล้ว

  อาการที่พบเห็นได้บ่อยคือ สุนัขเดินหรือวิ่งแบบกระเผลก พยายามหลีกเลี่ยงการใช้กำลังจากขาหลัง หรือมีการวิ่งแบบกระโดด ( สองขา ) คล้ายกระต่าย สุนัขจะค่อยลดกิจกรรมในแต่ละวันลง โดยจะนอนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อขาลีบ จนถึงต้องการความช่วยเหลือในเวลาจะลุกยืน เจ้าของสุนัขส่วนใหญ่ มักจะคิดว่าเกิดจากการที่สุนัขมีอายุมากขึ้น แต่ถ้าได้มีการรักษาสุนัขจะมีอาการที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก

 

สุนัขที่มีโอกาสเป็นโรคข้อสะโพก

  โรคนี้สามารถพบได้ทั้งใน สุนัข แมว และคน สำหรับสุนัขจะพบในพันธุ์ใหญ่เป็นส่วนใหญ่ และอาจเกิดขึ้นกับสุนัขขนาดกลาง ส่วนสุนัขพันธุ์เล็กมักจะไม่ค่อยพบ และโดยส่วนใหญ่ยังพบในสุนัขพันธุ์แท้มากกว่าพันธุ์ผสม สุนัขที่พบว่าเป็นโรคนี้กันเยอะได้แก่ เยอรมันเช็พเพอด ลาบราดอร์ ร็อตไวเลอร์ เกรดเดน โกลเด้นส์ และเซนต์เบอร์นาด ส่วนสุนัขพันธุ์ เกรย์ฮาว และโบซอยส์ แทบจะไม่เป็นโรคนี้เลย ยังมีสุนัขอีกหลายพันธุ์ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงไว้

 

อะไรคือ ปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิดโรคนี้ 

  • พันธุกรรม มีส่วนสำคัญกับโรคนี้ ถ้าพ่อแม่พันธุ์เป็นโรคนี้อยู่ ลูกสุนัขจะมีโอกาสสูงมากที่จะเป็น นักวิจัยบางคนคิดว่า พันธุกรรมมีส่วนแค่ 25 % ความจริงในเรื่องนี้ยังค่อนข้างคลุมเคลือ แต่ถ้าไม่มีพาหะของโรคสุนัขก็จะไม่เป็นโรคนี้ เราสามารถลดความเสี่ยงได้  โดยการพิจารณาการผสมพันธุ์ แต่ยังไรก็ตามไม่สามารถลดได้ 100 % เพราะลูกสุนัขที่เกิดจากพ่อแม่พันธุ์ที่เป็นโรค จะไม่เป็นโรคนี้ครบทุกตัวในครอก  แต่จะมีสุนัขบางตัวจากครอกนี้ เป็นพาหะต่อไปยังการผสมครั้งอื่นๆ
  • โภชนาการ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้ นั่นก็คือ ความอ้วนผิดปกติ เพราะจะทำให้ข้อสะโพกทำงานหนักขึ้น ถือเป็นความเสี่ยงที่สูงมากในการเกิดโรค ยังมีการศึกษาถึง ระดับโปรตีนและแคลเซียม ถึงความสัมพันธ์ต่อโรคข้อสะโพก โดยพบว่าโอกาสในการเกิดโรคจะสูงขึ้น ถ้ามีปริมาณโปรตีน และแคลเซียมที่มาก แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างอาหารสุนัขที่มี โปรตีน ไขมัน และแคลเซียมมาก กับอาหารที่มีสารอาหารเหล่านี้อยู่น้อย รวมถึงอาหารสำหรับลูกสุนัขทั่วไปกับอาหารสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่เท่านั้น
  • การออกกำลังกาย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยง โดยพบว่าสุนัขที่มีการออกกำลังกายหักโหม มากเกินไปมักจะเป็นโรคนี้ แต่ในทางกลับกันพบว่าสุนัขที่มีกล้ามเนื้อสมบูรณ์จะไม่ค่อยเป็นดังนั้น การออกกำลังกายให้พอเหมาะ เพื่อให้เกิดกล้ามเนื้อ เช่น การเดิน การวิ่งเหยาะๆ หรือการว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมที่สุด ส่วนการออกกำลังกาย ที่มีผลกระทบกระเทือนต่อกระดูกข้อต่อต่างๆนั้น ควรจะหลีกเลี่ยง เช่น การกระโดด หรือการเล่น frisbee เป็นต้น

โรคข้อสะโพกสามารถรักษาโดยการผ่าตัดได้หรือไม่

   ในปัจจุบันมีการผ่าตัดรักษาอยู่หลายวิธีขึ้นอยู่กับอายุสุนัขและความรุนแรงของโรคดังนี้

  1. Triple Pelvic Osteotomy ( TPO ) เป็นการรักษาสำหรับสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 10 เดือน และข้อต่อยังไม่ถูกทำลายไปมาก
  2. Total Hip Replacement วิธีนี้เป็นวิธีรักษาที่ดีที่สุดซึ่งสุนัขที่จะรักษาได้ต้องมีการพัฒนาของกระดูกที่สมบูรณ์แล้วและสุนัขต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 20 ปอนด์ โดยต้องใช้เวลารักษาและพักฟื้นนานถึง 3 เดือน ค่าใช้จ่ายในการรักษาแพงมากแต่ใด้ผลการรักษาที่ดีมาก
  3. Femoral Head and Neck Excision เป็นการรักษาสุนัขที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีที่ 2 ได้ เพื่อผลที่ดีที่สุดสุนัขไม่ควรมีน้ำหนักเกิน 45 ปอนด์ แต่อย่างไรก็ตามสุนัขพันธุ์ใหญ่ก็อาจรักษาด้วยวิธีการนี้
  4. Junenile Pubic Symphysiodesis เป็นวิธีการรักษาใหม่ ใช้รักษาสุนัขที่มีอายุไม่เกิน 20 สัปดาห์
  5. Pectineal Myectomy ในปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะมีโอกาสที่สุนัขจะกลับมาเป็นโรคนี้ใหม่

โรคข้อสะโพกสามารถรักษาโดยการใช้ยาได้หรือไม่

   ในช่วงหลายปีมานี้ได้มีการพัฒนาตัวยาสำหรับโรคข้อสะโพกขึ้นมามาก แต่สาเหตุของโรคนี้เกิดจากพันธุกรรมเป็นหลักไม่มีตัวยาใดป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ การออกกำลังกายที่เหมาะสม การโภชนาการที่ดี อาหารเสริมต่างๆ หรือยาบรรเทาอาการปวด อาจช่วยแค่ยืดเวลาของการเกิดโรคเท่านั้น ความนิยมในการนำยามารักษาเพียงเพราะว่าค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดมีราคาสูงมาก เจ้าของจึงมักเลือกวิธีนี้ 

   สัตว์แพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำวิธีต่างๆ ข้างล่างนี้ควบคู่ไปกับการใช้ยา เพื่อลดอาการปวดและไม่เพิ่มความรุนแรงของโรค

  1. การควบคุมน้ำหนัก ควรควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่หมอแนะนำ
  2. การออกกำลังกาย จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อและจำกัดการเสื่อมของข้อกระดูกได้ดี การเดิน การว่ายน้ำ การจ๊อกกิ้งเป็นวิธีการที่ดี แต่ควรจะขึ้นอยู่กับอาการของสุนัขแต่ละตัว จำไว้ว่าควรออกกำลังกายทุกวัน การออกกำลังกายเพียงอาทิตย์ละหน อาจจะเป็นอันตรายมากกว่าดี ควรปรึกษาหมอสำหรับรูปแบบการออกกำลังกายของสุนัขคุณ
  3. ควรจัดเตรียมที่นอนที่ดีและอบอุ่น อากาศเย็นจะทำให้สุนัขมีอาการที่แย่ลง ควรทำให้สุนัขอบอุ่น เช่น สวมเสื้อให้ หรือ ปรับอุณหภูมิในบ้านให้อบอุ่น ควรจัดหาฟูกนอนที่ดีเพื่อลดแรงกดที่มีต่อข้อกระดูกและยังช่วยให้สุนัขลุกขึ้นได้ง่าย
  4. การนวดและการบำบัดทางกายภาพ คุณหมอสามารถสอนการบำบัดและการนวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดให้คุณได้ จำไว้ว่าสุนัขของคุณกำลังปวด ควรเริ่มนวดอย่างช้าๆนิ่มนวล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสุนัขของคุณ
  5. ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักๆในแต่ละวัน เช่น สุนัขพันธุ์ใหญ่ควรหาแท่นวางชามข้าว ชามน้ำให้มีความสูงที่เหมาะสมเพื่อสุนัขไม่ต้องก้มลงไปกิน
  6. การให้อาหารเสริมต่างๆ ปรึกษาคุณหมอถึงอาหารเสริมในการรักษา

ป้องกันโรคข้อสะโพกได้อย่างไร

  มีอยู่สิ่งหนึ่งที่นักวิจัยลงความเห็นร่วมกัน นั่นคือ การเลือกหรือการพิจารณาการผสมพันธุ์ที่ดี ยังมีอีกหลายข้อมูลที่ยังรอการศึกษาในอนาคต แต่ในขณะนี้เราต้องยึดกับสิ่งที่เรารู้และมั่นใจนั่น คือ การเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่มีข้อสะโพกที่ดีในการผสมพันธุ์ ถึงแม้จะไม่สามารถรับประกันได้ 100 % แต่ก็ลดความเสี่ยงลงไปได้มาก 

รวมถึงผู้ที่กำลังเลือกซื้อลูกสุนัขต้องมีการพิจารณาถึงพ่อแม่พันธุ์ด้วย

**อ้างอิงข้อมูลจาก Pet education.com

 

แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.thaigsdclub.org/gsdboard/index.php?topic=1224.0

ขอบคุณผู้เอื้อเฟื้อข้อมูล : คุณวิภาดา ( http://www.facebook.com/vipada.kris )

 

บทความที่เกี่ยวกับการเพาะพันธุ์สุนัข และโรคทางพันธุกรรมของสุนัขพันธุ์นี้ รวมทั้งเรื่องอื่นๆที่ผู้เพาะพันธุ์ควรรู้

 

 

 

แคตตาล็อก
Read More
กระตุ้นปลายประสาทสุนัข ยารักษาสุนัขขาอ่อนแรง กายภาพสุนัข Pantip สุนัขไม่มีแรงเดินเซ ที่พยุงขาหลังสุนัข กายภาพสุนัขอัมพาต ลูกหมาอ่อนแรง CalFlex pantip ยา บำรุง หมาแก่ ขาหลัง ไม่มี แรง เดินไม่ได้ สุนัขไม่มีแรง เดินเซ สุนัข ลุกไม่ขึ้นCalflex สุนัข calflex ดี
 โรคทางระบบประสาทนั้นมีมากมายหลายชนิด...
By dictip 2021-10-16 05:20:37 0 495
ทำไม หมา ถึง วิ่งตามรถ สาเหตุ ของการวิ่งไล่รถ วิธี ทำให้ หมาไม่ ไล่ ทำไม หมาชอบวิ่งไล่จักรยาน ทำไมหมาชอบไล่กัด ทำไม หมา ชอบ ตัดหน้า รถ ร้องเรียนสุนัขไล่กัด วิธี สอน หมา ไม่ให้ วิ่งไล่รถ หมาไล่ ขับ
    หลายคนคงจะเคยประสบปัญหาเวลาขับรถมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนนั้น...
By dictip 2020-08-05 05:50:43 0 18043
เตือนน้องหมา ในหน้าร้อน
ร่างกายสุนัขกับมนุษย์นั้นไม่เหมือนกัน สุนัขไม่มีต่อมเหงื่อ...
By dictip 2023-03-26 05:41:40 0 578
เทคนิคการดูแลสุนัขแก่ สุนัขแก่ ควร กินวันละกี่มื้อ สุนัขแก่ ควร กิน อะไร สุนัขแก่ ร้อง สุนัขแก่ หายใจแรง อาหารสุนัขแก่ pantip ที่นอน สุนัข แก่ สุนัขแก่ ไม่กินข้าว สุนัขแก่ป่วย
เทคนิคการดูแล สุนัข สูงวัย • เมื่อ สุนัข ของเรามีอายุมากขึ้น...
By dictip 2021-01-23 02:49:01 0 450
ทําไมสุนัขถึงรักเจ้าของ
     "น้องหมาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์" เราคงเคยได้ยินคำนี้กันมาบ่อย ๆ...
By dictip 2022-01-12 03:00:05 0 726